หนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุดของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก็คือการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งก็คือการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของการเคลื่อนไหวของราคาที่ลดลงของสินทรัพย์ เรามีการป้องกันความเสี่ยงระยะยาวและระยะสั้นสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อหรือขายทรัพย์ทางการตลาดล่วงหน้า
หลักการของการป้องกันความเสี่ยง
ถ้าคุณมีทรัพย์ทางการตลาด หรือคุณกำลังจะซื้อทรัพย์ทางการตลาดในอนาคตในราคาตายตัว การเคลื่อนไหวของราคาจะทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุน เพื่อป้องกันตนเองจากความเสี่ยง คุณจะต้องมีโพซิชันในฝ่ายตรงกันข้ามอยู่ เพื่อให้การขาดทุนหรือกำไรของคุณถูกหักลบกลบหนี้ ไม่ว่าราคาจะเปลี่ยนไปเพียงใดก็ตาม
กรณีศึกษา
ผู้ขุดเหมืองบิทคอยน์คาดว่าตนจะได้ 10BTC จากการขุดเหมืองหนึ่งเดือน ตามผลผลิตปัจจุบันของคุณ ถ้าเขาขาย BTC ที่ขุดในราคาขณะนั้น เขาอาจจะทำกำไรได้ แต่ถ้าราคาของ BTC ตกหลังจากนั้น เขาอาจเสียเงินได้ ดังนั้น ผู้ขุดเหมืองจำเป็นต้องมีสัญญาซื้อขาย BTC ล่วงหน้าเพื่อทำให้รายได้คงที่
ตัวอย่างเช่น:
ราคาปัจจุบันของ BTC = USD500 / โทเค็น
ราคาสัญญาซื้อขาย BTC ล่วงหน้า = UDS500 / สัญญา
รายได้ที่ผู้ขุดเหมืองต้องการให้คงที่ = 10BTC * USD500 = USD5,000
มูลค่าตามหน้าสัญญาซื้อขาย BTC ล่วงหน้า = USD100
จำนวนสัญญาที่ผู้ขุดเหมืองต้องการในระยะสั้น = USD5,000 / USD100 = 50 สัญญา
ถ้าราคาของ BTC สูงขึ้นเป็น USD600 / ต่อโทเค็นหลังจากหนึ่งเดือน:
การขาดทุนที่เกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า = [มูลค่าตามหน้าสัญญา / (ราคาปิดโพซิชัน - มูลค่าตามหน้าสัญญา) / ราคาเปิดโพซิชัน] * จำนวนของสัญญา = [100 / (600 - 100) / 500] * 50 = -1.6667BTC
จำนวน BTC ที่ผู้ขุดเหมืองสามารถขายได้ = 10 - 1.6667 = 8.3333BTC
รายได้ = ราคา BTC ปัจจุบัน * จำนวน BTC = 600 * 8.3333 ≈ USD5,000
ถ้าราคาของ BTC ตกลงเป็น USD400 / โทเค็นหลังจากหนึ่งเดือน:
กำไรที่เกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า = [100 / (400-100) / 500] * 50 = 2.5BTC
จำนวน BTC ที่ผู้ขุดเหมืองสามารถขายได้l = 10 + 2.5 = 12.5BTC
รายได้ = 400 * 12.5BTC = USD5,000